Thammasat University’s Centres of Excellence (CoEs): Driving Sustainable Development Through Interdisciplinary Research

ศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ (CoE) ของธรรมศาสตร์ กลไกขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านงานวิจัยข้ามศาสตร์

ท่ามกลางความท้าทายที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันของโลกยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ประเด็นด้านเศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ทั้ง 17 ประการของสหประชาชาติ ได้กลายเป็นกรอบการดำเนินงานสำคัญระดับโลก สถาบันอุดมศึกษามีบทบาทอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเป้าหมายเหล่านี้ผ่านการสร้างองค์ความรู้ นวัตกรรม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในการบูรณาการ SDGs เข้ากับทุกพันธกิจ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเป็น “มหาวิทยาลัยของสังคม” ที่มุ่งพัฒนาตนเองให้เป็นที่พึ่งและแหล่งผลิตบุคลากรคุณภาพสูงเพื่อรับใช้สังคม โดยมีศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ (Centers of Excellence – COE) ทั้ง 23 ศูนย์ เป็นกลไกสำคัญ ซึ่งการจัดตั้งและสนับสนุน COE เหล่านี้ ถือเป็นยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบชั้นนำแห่งอนาคต” ที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านการวิจัย และการบูรณาการข้ามศาสตร์เพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต

ภาพรวมศูนย์ COE ของธรรมศาสตร์

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์ในการจัดตั้ง COE ถึง 23 ศูนย์ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 เมษายน 2568) เพื่อสร้างหน่วยงานวิจัยระดับแนวหน้าที่มีความเข้มแข็งในสาขาวิชาเฉพาะทาง ศูนย์เหล่านี้ครอบคลุมขอบเขตความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย ตั้งแต่วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ การจัดการ ไปจนถึงสิ่งแวดล้อมและพลังงาน วัตถุประสงค์หลักคือการผลิตงานวิจัยคุณภาพสูงระดับสากล พัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคม และสร้างบัณฑิตศึกษาและนักวิจัยที่มีศักยภาพสูง การมีอยู่ของ COE จำนวนมากสะท้อนถึงขีดความสามารถทางการวิจัยที่กว้างขวางและลึกซึ้งของมหาวิทยาลัย ซึ่งพร้อมตอบสนองต่อความท้าทายสำคัญของประเทศและโลก

ขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งการวิจัยข้ามศาสตร์

ลักษณะเด่นที่สำคัญของ COE ของธรรมศาสตร์ คือการนำแนวทางการวิจัยแบบข้ามศาสตร์ (Interdisciplinary/Multidisciplinary Research) มาใช้ ซึ่งเป็นการบูรณาการความรู้ เครื่องมือ แนวคิด และทฤษฎีจากหลากหลายสาขาวิชา เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งและแนวทางแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งไม่สามารถทำได้ด้วยมุมมองจากศาสตร์เดียว แนวทางนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรับมือกับเป้าหมาย SDGs ซึ่งมีลักษณะเชื่อมโยงหลายมิติ

หลักฐานของการบูรณาการข้ามศาสตร์ปรากฏชัดเจนในพันธกิจและโครงการวิจัยของหลายศูนย์ฯ ตัวอย่างเช่น ศูนย์ฯ ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่ทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และแพทย์, ศูนย์ฯ ด้านวิจัยโรคหลอดเลือดสมองที่เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเวชศาสตร์คลินิก, ศูนย์ฯ ด้านวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการขนส่งเมืองที่บูรณาการวิศวกรรม ผังเมือง เทคโนโลยี พลังงาน และนโยบายสาธารณะ นอกจากนี้ การจัดตั้งศูนย์ฯ ที่ออกแบบมาเพื่อการบูรณาการโดยเฉพาะ เช่น ศูนย์ฯ NailEm (กฎหมาย-วิศวกรรมศาสตร์-การแพทย์) ที่มุ่งพัฒนา AI ทางการแพทย์โดยคำนึงถึงมิติทางกฎหมายและจริยธรรม และศูนย์ฯ DEET (Digital Earth-เทคโนโลยีอุบัติใหม่) ที่ผสานเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ากับนวัตกรรมสังคมและสิ่งแวดล้อม ยิ่งตอกย้ำความตั้งใจเชิงกลยุทธ์ในการส่งเสริมการทำงานที่ก้าวข้ามขอบเขตสาขาวิชาแบบดั้งเดิม

จากงานวิจัยสู่เป้าหมายโลก: การเชื่อมโยงผลงาน COE กับ SDGs

ประเด็นการวิจัยของ COE ต่างๆ มีความเชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs หลายข้อ อาทิ

  • SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี): ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ (AI, วิศวกรรมชีวการแพทย์, การแพทย์แผนไทย) การวิจัยโรคสำคัญ (หลอดเลือดสมอง, มาลาเรีย, มะเร็งท่อน้ำดี) และการแก้ปัญหาสาธารณสุขโดยคำนึงถึงความเท่าเทียมและจริยธรรม (NailEm, Creative Engineering Design)
  • SDG 9 (อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน): ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (AI, Data Science, พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า, วัสดุศาสตร์) การสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมและอุตสาหกรรม และการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน
  • SDG 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน): ผ่านการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาการคมนาคมขนส่งในเมือง (Urban Mobility) การพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์
  • SDG 7 (พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้) และ SDG 13 (การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ): ผ่านการวิจัยเทคโนโลยีพลังงานสะอาด (พลาสมา, ฟิวชัน, แม่เหล็กไฟฟ้า) การพัฒนาวัสดุและตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงาน (เช่น การบำบัดมลพิษ, การกักเก็บพลังงาน/คาร์บอน) และการส่งเสริมพลังงานทางเลือกในภาคขนส่ง
  • SDG 12 (การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน) และ SDG 2 (ขจัดความหิวโหย): ผ่านการพัฒนานวัตกรรมการเกษตรและอาหาร (TraceThai.com ด้วยบล็อกเชน, โปรตีนทางเลือก) การเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานการเกษตร และการนำของเสียอุตสาหกรรมมาใช้ประโยชน์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
  • SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) และ SDG 16 (สันติภาพ ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง): ผ่านการพัฒนานวัตกรรมที่คำนึงถึงผู้ด้อยโอกาส การสร้างกลไกทางกฎหมายและจริยธรรมสำหรับเทคโนโลยีอุบัติใหม่ (NailEm) และการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายด้วยข้อมูลวิจัย

พลังแห่งสหวิทยาการขับเคลื่อนอนาคต

ศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางวิชาการทั้ง 23 ศูนย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน แนวทางการวิจัยแบบข้ามศาสตร์เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้สามารถรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย SDGs อย่างเป็นรูปธรรม และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น การดำเนินงานของ COE เหล่านี้คือกลไกหลักในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้บรรลุวิสัยทัศน์สำคัญทั้งสองประการ นั่นคือ การก้าวสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบชั้นนำแห่งอนาคต” ที่โดดเด่นด้วยความเป็นเลิศด้านการวิจัยและการบูรณาการข้ามศาสตร์ และการดำรงบทบาทของการเป็น “มหาวิทยาลัยของสังคม” ที่สร้างคุณประโยชน์และเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง สอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเป็นสถาบันเพื่อประชาชนอย่างยั่งยืน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *