Stepping Towards a Future Wellness University: Thammasat and SSSO Collaborate on the Future Wellness University Project

ก้าวสู่มหาวิทยาลัยสุขภาวะแห่งอนาคต: ความร่วมมือระหว่างธรรมศาสตร์และ สสส. ผ่านโครงการ Future Wellness University

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ผนึกกำลังครั้งสำคัญผ่าน โครงการ Future Wellness University ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567 โครงการนี้สะท้อนความมุ่งมั่นในการยกระดับสุขภาวะของนักศึกษาและบุคลากร เพื่อสร้าง “มหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต” ที่ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งความรู้ทางวิชาการ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมการมีชีวิตที่ดีอย่างรอบด้าน

จุดเริ่มต้นและความจำเป็น: เมื่อสุขภาวะคือความท้าทาย

โครงการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ แต่เป็นการตอบสนองต่อความท้าทายด้านสุขภาวะที่ประชาคมธรรมศาสตร์กำลังเผชิญ ผลสำรวจภายในมหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2567 พบข้อมูลที่น่ากังวล กล่าวคือ 72% ของนักศึกษาและบุคลากรยังขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดการความเครียด และถึง 56% กำลังประสบภาวะหมดไฟ (Burnout) ในการเรียนและการทำงาน ตัวเลขเหล่านี้สอดคล้องกับแนวโน้มปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานทั่วประเทศ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างระบบสนับสนุนและส่งเสริมสุขภาวะอย่างจริงจัง

วิสัยทัศน์และเป้าหมาย: ต้นแบบมหาวิทยาลัยสุขภาวะ

โครงการ Future Wellness University มีเป้าหมายหลักในการพัฒนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้เป็นต้นแบบของ “มหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต” และเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาคมมหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายเฉพาะที่สำคัญ ได้แก่:

  1. ป้องกันและคัดกรอง: ป้องกันปัญหาสุขภาพ คัดกรองความเสี่ยง และส่งต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการดูแลที่เหมาะสม
  2. สร้างสภาพแวดล้อม: พัฒนาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพในทุกมิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคม
  3. ขยายผล: ขยายการดำเนินงานให้ครอบคลุมทั้ง 4 ศูนย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์, รังสิต, ลำปาง, พัทยา) ภายในปี พ.ศ. 2568 เข้าถึงนักศึกษาและบุคลากรกว่า 51,300 คน
  4. เป็นต้นแบบ: สร้างองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั้งในประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน

ขับเคลื่อนด้วย 4 เสาหลักเชิงกลยุทธ์ และกรอบแนวคิดสากล

การดำเนินงานอยู่ภายใต้กรอบแนวคิด Healthy University Framework ของเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนด้านการส่งเสริมสุขภาพ (AUN-HPN) ซึ่ง สสส. เป็นผู้ขับเคลื่อนหลัก และใช้ 4 เสาหลักเชิงกลยุทธ์ (Four Strategic Pillars) เป็นแนวทาง ได้แก่:

  1. Future Wellness Policy and Data: พัฒนานโยบายสุขภาวะที่ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยข้อมูลที่เป็นระบบ
  2. Future Wellness Workplace: ยกระดับบริการสุขภาวะด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้เข้าถึงง่ายและทันสมัย
  3. Future Wellness Hub: ผสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายในมหาวิทยาลัยเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
  4. Future Wellness Flagship: ผลักดันกลยุทธ์ที่เกิดจากองค์ความรู้และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน (ชุมชน, นักศึกษา, บุคลากร) เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและยกระดับสุขภาวะสู่มาตรฐานสากล

บทบาทความร่วมมือ ธรรมศาสตร์ริเริ่ม สสส. สนับสนุน

ในความร่วมมือนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ริเริ่มและขับเคลื่อนหลัก วางนโยบาย พัฒนาเครื่องมือสำคัญอย่างแอปพลิเคชัน TU Great – Future Wellness และ TU Staff Future Wellness App บูรณาการความรู้ด้านสุขภาวะ (Health Literacy) เข้าสู่หลักสูตรและการดำเนินงาน และจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพต่างๆ

ขณะที่ สสส. ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก ให้การสนับสนุนด้านแนวคิด กรอบการดำเนินงานผ่านเครือข่าย AUN-HPN และ Healthy University Framework รวมถึงสนับสนุนเป้าหมายการขยายผลโครงการให้ครอบคลุมทุกศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2568 สสส. ยังได้แสดงความชื่นชมต่อผลสำเร็จในระยะแรกและเชื่อมั่นในศักยภาพของโครงการที่จะเป็นต้นแบบให้สถาบันอื่นต่อไป

กิจกรรมและเครื่องมือสำคัญ: แอปพลิเคชัน TU Great นำร่อง

หัวใจสำคัญของโครงการในระยะนี้คือแอปพลิเคชัน TU Great – Future Wellness (และ TU Staff Future Wellness สำหรับบุคลากร) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องมือประเมินสุขภาวะส่วนบุคคล โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จาก D – mind ในการคัดกรองความเสี่ยง และเชื่อมต่อผู้ใช้งานกับผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจาก “หมออาสา” ศูนย์ Viva City และแพทย์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้คำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสม

กลุ่มเป้าหมายและการเข้าถึง: ครอบคลุมประชาคมธรรมศาสตร์

โครงการมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือ นักศึกษาทุกระดับชั้น และ บุคลากรของมหาวิทยาลัย (กว่า 9,300 คน) โดยตั้งเป้าขยายการเข้าถึงให้ครอบคลุมประชากรราว 51,300 คนต่อปีในทั้ง 4 ศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2568 การให้ความสำคัญกับทั้งนักศึกษาและบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่หลายคนใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ตอกย้ำความจำเป็นของระบบสนับสนุนสุขภาวะที่เข้มแข็งและเข้าถึงได้

ผลลัพธ์ที่คาดหวังและการวัดผล: สร้างสุขภาวะที่ยั่งยืน

โครงการนี้คาดหวังว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในหลายมิติ ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาสุขภาพของนักศึกษาและบุคลากร การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาวะ การพัฒนาระบบสุขภาพโดยรวม ไปจนถึงการเป็นต้นแบบให้สถาบันอื่น สสส. ได้ชื่นชมผลตอบรับที่ดีในระยะแรก ซึ่งเป็นสัญญาณบวก ขณะที่ตัวชี้วัดสำคัญ เช่น อัตราความเครียดและภาวะหมดไฟที่สำรวจพบในเบื้องต้น จะเป็นเกณฑ์สำคัญในการประเมินความสำเร็จของโครงการในระยะยาว

โครงการ Future Wellness University ถือเป็นก้าวย่างสำคัญของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ สสส. ในการลงทุนเพื่อสุขภาวะของประชาคมมหาวิทยาลัย เป็นการตอกย้ำว่า มหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ 21 ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพทั้งด้านสติปัญญาและสุขภาวะที่ดี เพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนสังคมต่อไปอย่างยั่งยืน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *